Thursday, October 7, 2010

สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดกาฬสินธุ์

พระธาตุยาคู

หรือพระธาตุใหญ่ เป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฟ้าแดดสงยาง ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมก่อด้วยอิฐปรากฏการก่อสร้าง 3 สมัยด้วยกันคือ ส่วนฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมย่อมุม มีบันไดทางขึ้น 4 ทิศ มีปูนปั้นประดับสร้างในสมัยทวาราวดี ถัดขึ้นมาเป็นฐานรูปแปดเหลี่ยมซึ่งสร้างซ้อนทับบนฐานเดิมเป็นรูปแบบเจดีย์ใน สมัยอยุธยา ส่วนองค์ระฆังและส่วนยอดสร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ รอบ ๆ องค์พระธาตุพบใบเสมาแกะสลักภาพนูนต่ำเรื่องพุทธประวัติ ชาวบ้านเชื่อกันว่าในองค์พระธาตุบรรจุอัฐิของพระเถระผู้ใหญ่ที่ชาวเมือง เคารพนับถือ สังเกตได้จากเมื่อเมืองเชียงโสมชนะสงคราม ได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองฟ้าแดดแต่ไม่ได้ทำลายพระธาตุยาคู จึงเป็นโบราณสถานที่ยังคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ชาวบ้านจะจัดให้มีงานประเพณีบุญบั้งไฟเป็นประจำทุกปีในเดือนพฤษภาคม เพื่อเป็นการขอฝนและความร่มเย็นให้กับหมู่บ้าน

แหล่งขุดค้นไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าว

อยู่บริเวณเชิงเขาภูกุ้มข้าว วัดสักกะวัน สามารถเดินทางโดยใช้เส้นทางกาฬสินธุ์-สหัสขันธ์ (ทางหลวงหมายเลข 227) ประมาณ 25 กิโลเมตร ก่อนถึงสหัสขันธ์ 2 กิโลเมตร เมื่อปี พ.ศ. 2513 พระครูวิจิตรสหัสคุณ เจ้าอาวาสวัดสักกะวัน ได้พบกระดูกชิ้นใหญ่ในบริเวณวัด แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นฟอสซิลกระดูกไดโนเสาร์และได้นำกระดูกที่พบเก็บรักษาไว้ ที่วัด ในปี พ.ศ. 2521 นักธรณีวิทยาและคณะจากกรมทรัพยากรธรณีได้เดินทางมาสำรวจธรณีวิทยาบริเวณนี้ พบกระดูกดังกล่าวจึงได้แจ้งว่าเป็นซากฟอสซิลกระดูกไดโนเสาร์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2523 คณะสำรวจธรณีวิทยาไทย-ฝรั่งเศสได้นำกระดูกเหล่านั้น 3 ท่อนไปศึกษาพบว่าเป็นส่วนกระดูกขาหน้าของไดโนเสาร์ซอโรพอด (Sauropod) จนกระทั่งปี พ.ศ. 2537 จึงได้ทำการสำรวจขุดค้นและอนุรักษ์อย่างเป็นระบบ พบซากไดโนเสาร์จำนวนมากในชั้นหินเสาร์ขัว ยุคครีเตเซียสตอนต้น อายุประมาณ 130 ล้านปี แหล่งขุดค้นแห่งนี้พบกระดูกไดโนเสาร์ชนิดกินพืชจำนวนมากกว่า 700 ชิ้น สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นชิ้นส่วนของไดโนเสาร์ประมาณ 7 ตัว นอกจากนี้ยังมีซากปลาโบราณพันธุ์ใหม่ของโลกอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เป็นปลาน้ำจืดมีชื่อว่า “เลปิโดเทส” ยาวประมาณ 30–60 เซนติเมตร อยู่ในยุคมีโซโซอิค หรือ 65 ล้านปีที่แล้ว คาดว่าบริเวณที่พบคงเป็นบึงขนาดใหญ่แล้วเกิดภัยแล้งทำให้ปลาตายและถูกซาก โคลนทับไว้กลายเป็นฟอสซิลจนถึงปัจจุบัน นับว่าภูกุ้มข้าวเป็นแหล่งที่พบซากฟอสซิลกระดูกไดโนเสาร์แหล่งใหญ่และ สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย เปิดให้เข้าชมฟอสซิลไดโนเสาร์ และนิทรรศการเรื่องราวเกี่ยวกับไดโนเสาร์ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น. โดยไม่เสียค่าเข้าชม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์วิจัยไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าว กรมทรัพยากรธรณี อำเภอสหัสขันธ์ โทร. 0 4387 1014, 0 4387 1394, 0 4387 1613

นอกจากนี้วัดสักกะวัน ยังเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อบันดาลฤทธิผล (หลวงพ่อบ้านด่าน) เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สมัยทวาราวดี ซึ่งชาวบ้านในท้องถิ่นถือเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง

เขื่อนลำปาว

เป็นเขื่อนซึ่งสร้างปิดกั้นลำน้ำปาว และห้วยยาง มีบริเวณเขตติดต่อระหว่างตำบลลำปาว อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ตำบลหนองบัว อำเภอหนองกุงศรี และตำบลเว่อ อำเภอยางตลาด เขื่อนลำปาวเป็นเขื่อนดินสูงจากท้องน้ำ 33 เมตร สันเขื่อนยาว 7.8 เมตร กว้าง 8 เมตร เริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2506 สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2511 เพื่อปิดกั้นลำน้ำปาวและห้วยยางที่บ้านหนองสองห้อง ตำบลลำปาว อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ทำให้เกิดอ่างเก็บน้ำแฝดทางด้านเหนือเขื่อน จึงได้ขุดร่องเชื่อมระหว่างอ่างทั้งสอง เก็บน้ำได้ 1,430 ล้านลูกบาศก์เมตร สร้างขึ้นเพื่อบรรเทาอุทกภัยและเพื่อการเกษตรโดยเฉพาะ นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา มีสถานที่พักผ่อนหย่อนใจได้แก่ หาดดอกเกด

การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 213 (กาฬสินธุ์-มหาสารคาม) กิโลเมตรที่ 33–34 เลี้ยวขวาเข้าเขื่อนลำปาวตามถนนลาดยาง 26 กิโลเมตร

Tuesday, October 5, 2010

การเดินทางไปจังหวัดกาฬสินธุ์

กาฬสินธุ์อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 519 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางสู่จังหวัดกาฬสินธุ์ได้หลายวิธี ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัว รถประจำทาง และรถไฟ

การเดินทางไป กาฬสินธุ์

โดยรถไฟ:
ไม่มีรถไฟแล่นไปถึงกาฬสินธุ์ ต้องเดินทางไปลงที่สถานีรถไฟขอนแก่น แล้วต่อรถประจำทางเข้ากาฬสินธุ์อีก 75 กิโลเมตร

การ รถไฟแห่งประเทศไทยมีบริการรถไฟทั้งขบวนรถเร็ว รถด่วน และรถดีเซลรางปรับอากาศ สอบถามรายละเอียดได้ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร.1690 หรือ www.railway.co.th

โดยรถยนต์:
จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-สระบุรี-นครราชสีมา (ทางหลวงหมายเลข 2) ถึงอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ต่อด้วยเส้นทางหลวงหมายเลข 23 และทางหลวงหมายเลข 209 ผ่านมหาสารคาม จนถึงกาฬสินธุ์

โดยรถประจำทาง:
มีรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศของบริษัท ขนส่ง จำกัด และของเอกชน สายกรุงเทพฯ-กาฬสินธุ์ ออกจากสถานีขนส่งหมอชิต 2 ทุกวัน วันละหลายเที่ยว สอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร.1490 www.transport.co.th

ปัจจุบัน บริษัท ขนส่ง จำกัด ได้เปิดให้บริการจองตั๋วรถโดยสารออนไลน์แล้ว ติดต่อได้ที่ www.thaiticketmajor.com นอกจากนี้ยังสามารถซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่ www.thairoute.com

โดยเครื่องบิน:
ไม่มีเที่ยวบินตรงบินสู่กาฬสินธุ์ แต่นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเครื่องไปลงได้ที่จังหวัดร้อยเอ็ด แล้วต่อรถโดยสายประจำทางไปจังหวัดกาฬสินธุ์ ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร

สอบถามตารางเที่ยวบินได้ที่สายการบินพี บี แอร์ โทร. 0 2261 0220 ต่อ 201-210 สำนักงานร้อยเอ็ด โทร.0 4351 8572 www.pbair.com

การเดินทางภายใน กาฬสินธุ์

ใน ตัวเมืองกาฬสินธุ์มีรถโดยสารประจำทางไปยังอำเภอต่างๆ ได้อย่างสะดวก นักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการยานพาหนะได้หลายรูปแบบตามอัธยาศัย สอบถามรายละเอียดได้ที่สถานีขนส่งกาฬสินธุ์ โทร. 0 4351 1298, 0 4381 3451, 0 4381 2191, 0 4381 1070

นอกจากนี้ยังมีรถสองแถวไปยังแหล่งท่อง เที่ยวต่างๆ ในกรณีที่มีการเหมารถนักท่องเที่ยวควรจะตกลงราคากับรถสองแถวก่อนออกเดินทาง ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว คิวรถจะอยู่ในสถานีขนส่ง

ระยะทางจากอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ไปยังอำเภอต่างๆ คือ

อำเภอกมลาไสย 12 กิโลเมตร

อำเภอยางตลาด 16 กิโลเมตร

อำเภอดอนจาน 27 กิโลเมตร

อำเภอฆ้องชัย 32 กิโลเมตร

อำเภอสหัสขันธ์ 39 กิโลเมตร

อำเภอร่องคำ 39 กิโลเมตร

อำเภอสมเด็จ 40 กิโลเมตร

อำเภอนามน 42 กิโลเมตร

อำเภอห้วยเม็ก 48 กิโลเมตร

อำเภอห้วยผึ้ง 60 กิโลเมตร

อำเภอหนองกุงศรี 62 กิโลเมตร

อำเภอกุฉินารายณ์ 79 กิโลเมตร

อำเภอคำม่วง 81 กิโลเมตร

อำเภอสามชัย 85 กิโลเมตร

อำเภอนาคู 88 กิโลเมตร

อำเภอท่าคันโท 99 กิโลเมตร

อำเภอเขาวง 103 กิโลเมตร

Monday, October 4, 2010

ข้อมูลจังหวัดกาฬสินธุ์

จังหวัดกาฬสินธุ์ หนึ่งในจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นเมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์มาตั้งแต่สมัยโบราณกาล โดยมีความเจริญทางด้านอารยธรรมอันเก่าแก่ เดิมทีเป็นถิ่นที่อยู่ของชนชาติละว้า ต่อมาได้มีการอพยพผู้คนจากดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงมาตั้งบ้านเรือนบริเวณ แก่งสำโรงและลำน้ำปาว

นอกจากนั้น กาฬสินธุ์ยังเป็นแหล่งขุดค้นซากไดโนเสาร์ที่มีชื่อเสียง มีพิพิธภัณฑ์และศูนย์วิจัยเกี่ยวกับไดโนเสาร์ที่สมบูรณ์แบบและใหญ่ที่สุดใน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย รวมทั้งงานหัตถกรรมพื้นบ้านต่างๆ ด้วย

จังหวัดกาฬสินธุ์มีเนื้อที่ประมาณ 7,055.07 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 4.3 ล้านไร่ ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะภูมิประเทศตอนบนเป็นภูเขาตามแนวเทือกเขาภูพาน ส่วนตอนกลางเป็นเนินเขาสลับป่าโปร่ง

จากหลักฐานทางโบราณคดีบ่งบอกว่า เดิมทีกาฬสินธุ์เป็นที่อยู่อาศัยของเผ่าละว้า ซึ่งมีความเจริญทางด้านอารยธรรมมากว่า 1,600 ปี ครั้นเมื่อถึงสมัยกรุงธนบุรี ประมาณ พ.ศ. 2310 พระเจ้าศิริบุญสารได้ยกกองทัพเข้าตีเมืองเวียงจันทน์ และสถาปนาตนขึ้นเป็นพระเจ้าอยู่หัว จนล่วงมาปี พ.ศ. 2320 ท้าวโสมพะมิตร ขุนนางแห่งราชสำนักเวียงจันทน์ได้อพยพไพร่พลหนีความขัดแย้งกับพระเจ้าศิริ บุญสาร ข้ามมาตั้งบ้านเรือนบริเวณลุ่มน้ำก่ำ แถบบ้านพรรณา (ปัจจุบันอยู่ในเขตจังหวัดสกลนคร)

ต่อมา พระเจ้าศิริบุญสารได้ยกทัพติดตามมา ท้าวโสมพะมิตรจึงอพยพหนีต่อ จนท้ายสุดมาพบทำเลที่เหมาะสม คือบริเวณลำน้ำปาว บ้านแก่งสำโรง สาเหตุเพราะน้ำในลำปาวนั้นใสสะอาดเสียจนมองเห็นดินตมเบื้องล่าง ดินตมที่มีสีดำสนิทจนแลดูเหมือนน้ำมีสีดำ แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน ท้าวโสมพะมิตรจึงได้ลงหลักปักฐาน จัดตั้งศาลเจ้าพ่อหลักเมืองขึ้น และได้นำเครื่องบรรณาการเข้าถวายแสดงความสวามิภักดิ์ต่อพระบาทสมเด็จพระพุทธ ยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จนกระทั่งได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกฐานะบ้านแก่งสำโรงขึ้นเป็นเมือง และพระราชทานนามว่าเมืองกาฬสินธุ์ ซึ่งแปลว่าเมืองน้ำดำ ทั้งมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ท้าวโสมพะมิตรเป็น พระยาชัยสุนทร ครองเมืองกาฬสินธุ์เป็นคนแรก

จังหวัดกาฬสินธุ์แบ่งการ ปกครองออกเป็น 18 อำเภอ คือ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอยางตลาด อำเภอกมลาไสย อำเภอสหัสขันธ์ อำเภอสมเด็จ อำเภอกุฉินารายณ์ อำเภอท่าคันโท อำเภอเขาวง อำเภอห้วยเม็ก อำเภอคำม่วง อำเภอหนองกุงศรี อำเภอนามน อำเภอห้วยผึ้ง อำเภอร่องคำ อำเภอสามชัย อำเภอนาคู อำเภอดอนจาน และอำเภอฆ้องชัย